วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

หลักการใช้ Article "The"

Article "the" มีรูปแบบการใช้งาน ดังนี้ the + noun
1. ใช้ the กับคำนามที่ชี้เฉพาะเจาะจง เช่น
- This was a terrible journey. The plane was very crowded. นี่เป็นการเดินทางที่แย่มาก เครื่องบินแออัดมาก
-Bangkok is the capital of Thailand. กรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงแห่งประเทศไทย
2. ใช้ the กับ คำนามที่นับได้เอกพจน์ที่บอกชนิดหรือประเภท เช่น
- The orchid is Rinny’s favorite flower. กล้วยไม้เป็นดอกไม้ที่โปรดปรานของรินนี่
3. ใช้ the กับ คำนาม ที่เป็นคำคุณศัพท์ ( adjective) ชั้นสูงสุด เช่น
- What is the longest road in Thailand? ( ถนนอะไรยาวที่สดุ ในประเทศไทย)

4. ใช้ the นำหน้าคำคุณศัพท์ (adjective) ทำหน้าที่เป็นคำนาม เช่น the poor (คนจน), the rich (คนรวย), the disabled (คนพิการ)
ตัวอย่างประโยค - This is the parking lot t for the disabled. ( นี่คือที่จอดรถของคนพิการ)
5. ใช้ the กับคำที่แสดงเชื้อชาติ เช่น the British (ชาวอังกฤษ), the Spanish (ชาวสเปน)
ตัวอย่างประโยค - The Chinese and the Japanese are diligent. ( ชาวจีนและชาวญี่ปุ่นขยัน)
หมายเหตุ : คำนามที่แสดงเชื้อชาติเหล่านี้จะลงท้ายด้วย s , sh , ch หรือ se ซึ่งเมื่อเติม the ข้างหน้า
จะมีความหมายเป็น พหูพจน์ แต่ถ้าเป็นคำที่ไมได้ลงท้ายแบบนี้ เมื่อเติม the จะต้องเติม s ด้วย
เช่น the Russians (ชาวรัสเซีย) the Italians (ชาวอิตาเลียน) the Arabs (ชาวอาหรับ) the Thais (ชาวไทย)
6. ใช้ the กับคำนามที่กล่าวถึงมาแลว้ หรือผู้พูดและผู้ฟังเข้าใจความหมายแล้ว
ตัวอย่างประโยคการใช้งาน - The student was late again yesterday. ( นักเรียนคนนั้นมาสายอีกแล้วเมื่อวานนี้)
- My mother went to see the doctor. ( แม่ฉันไปหาหมอคนเดิม)
7. ใช้ the กับคำนามที่เป็นชื่อทงภูมิศาสตร์ ดังต่อไปนี้
1) ชื่อของประเทศบางประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีคำว่า republic, kingdom, states และที่ลงท้ายด้วย s เช่น the German Federal Republic ( เยอรมันนี) , the Republic of Ireland ( ไอร์แลนด์) , the United Kingdom ( สหราชอาณาจักร) , the United Arab Emirates ( อาหรับอามิเรสต์), the Netherlands ( เนเธอร์แลนด์, the Philippines ( ฟิลิปปินส์)
2) ชื่อของเกาะหรือของหมู่เกาะที่เป็นพหพูจน์ เช่น the Bahamas, the British Isles, the Canaries
3) ชื่อเทือกเขาหรือภูเขาที่เป็นพหูพจน์เช่น the Andes, the Alps, the Rockies
4) ชื่อของแม่น้ำ คลอง ทะเล ทะเลทราย แหลม อ่าว ช่องแคบ มหาสมุทร คาบสมุทร เช่น the Amazon, The Atlantic , the Bering Strait , the British Strait,the Chao Phraya (River), the Cape of Good Hope, the Caribbean Sea
5) ใช้กับชื่อของโรงแรม ภัตตาคาร ธนาคาร โรงละคร พิพิธภัณฑ์ห้องสมุด เป็นต้น เช่น the Oriental Hotel the Hilton Hotel the National Theater the Central Library
6.) ใชก้บชื่อของ อาคารสถานที่ ที่มี of อยู่ในชื่อนั้นด้วย เช่น the Bank of England the House of Parliament, the Tower of London the Great Wall of China
7). ใช้กับชื่อหนังสือพิมพ์ สำนักพิมพ์เช่น the Bangkok Post the Nation, The Bangkok Post, the Times the New York Tribune
8. ใช้ the กับคำนามที่มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น เช่น the sun (ดวงอาทิตย์), the moon (ดวงจันทร์), the world (โลก), the earth (โลก), the sea (ทะเล), the sky (ท้องฟ้า), the universe (จักรวาล), the ground (พื้นดิน), the country (ประเทศ) , the environment (สิ่งแวดล้อม),
9. ใช้กับคำนามที่เป็นเครื่องดนตรี เช่น the piano (เปียโน) , the guitar (กีต้าร์) , the violin (ไวโอลิน) the drum (กลอง), the flute (ฟรุท), the trumpet (ทรัมเป็ต) เป็นต้น
10. ใช้กับการเปรียบเทียบขั้นกว่าเพื่อแสดงว่าสิ่ง 2 สิ่ง หรือ 2 เหตุการณ์เพิ่มขึ้นหรือลดลงไปในทำนองเดียวกัน
ตัวอย่าง - The more we read, the more we know. (ยิ่งเราอ่านมากเท่าไร เราก็ยิ่งรู้มากขึ้นเท่านั้น)
- The more you eat. The fatter you will get. (ยิ่งคุณกินมากเท่าไร คุณก็ยิ่งจะอ้วนมากขึ้นเท่านั้น)
11. ใช้ลำดับเลขที่ เช่น the first (ลำดับที่ 1), the second (ที่สอง), the third (ที่สาม)
12. ใช้นำหน้าสำนวนบอกเวลา เช่น at noon (เที่ยงวัน), at night (เที่ยงคืน), the day aftertomorrow (มะรืนนี้), in the morning (ในตอนเช้า) , in the afternoon (ในตอนบ่าย) ,in the evening (ในตอนเย็น)
บันทึกบทเรียน เพื่อทบทวนความจำของเว็บมาสเตอร์ภาษาอังกฤษเบื้องต้น ดัดแปลงจากเอกสาร ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเบื้องต้น โดย พ.ท.หญิง วันดีโตสุวรรณ
 
 

ลักษณะที่ไม่ต้องใช้ Article

1. ไม่ใส่ Article ข้างหน้า คำนามที่นับไม่ได้ (Uncountable Nouns) เช่น silk ( ผ้าไหม)ม, tea ( น้ำชา ) , Paper (กระดาษ) pepper

แต่ว่าในบางกรณีนามที่นับไม่ได้อาจจะมี Article a,an นำหน้า ก็เพราะมีความหมายแตกต่างกันออกไป
เช่น - a paper ( หนังสือพิมพ์) # some paper ( กระดาษจำนวนหนึ่ง)
She bought a paper. # She bought some paper.
2. ไม่ใส่หน้า Article the หน้าคำนามพหูพจน์ที่กล่าวถึงเรื่องทั่ว ๆ ไป
ตัวอย่าง - Children learn from playing and observing.( เดก็ ๆ เรียนร้จู ากการเลน่ และการสงั เกต)
แต่ถ้าเปรียบเทียบในเมื่อมีการชี้เฉพาะเจาะจง ต้องใส่ the เช่น
- The students in my class like playing tennis.
- ( นักเรียนในห้องเรียนของผมชอบเล่นเทนนิส)
3. ไม่ใส่ the นำหน้าคำนามที่เกี่ยวกับสถานที่ที่มีความหมายเพื่อกิจกรรมนั้นเป็นปกติอยู่แล้ว
hospital (ไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาโรค :เป็นเรื่องปกติที่โรงพยาบาลสำหรับรักษาโรค) , school (ไปเพื่อเรียนหนังสือ : โรงเรียนมีไว้สำเรียนหนังสือเป็นเรื่องปกติ)
แต่ถ้ามี “the” นำหน้าคำประเภทนี้ แสดงว่าไม่ว่าไม่ได้ทำกิจกรรมเป็นปกติวิสัยที่ควรจะเป็น
ตัวอย่าง Devid goes to church on Sunday. (เดวิดไปโบสถ์ทุกวัอาทิตย์เพื่อสวดมนต์
Samit goes to the church to see her friends. (สมิทไปโบสถ์เพื่อพบเพื่อนๆ)
4. ไม่ใส่ the หน้าสำนวนต่อไปนี้ go to (ไปนอน), be in bed (เข้านอน), go to work (ไปทำงาน) be at work ( อยู่ที่ทำงาน), start work (เริ่มงาน) , finish work (เลิกงาน), go home (ไปบ้าน),
get home (เข้าบ้าน), stay at home (อยู่บ้าน) be at home (อยู่ที่บ้าน), go to sea ( ไปเที่ยวทะเล)
ไม่ใส่ the หน้ามื้ออาหารหลัก breakfast , lunch, brunch, dinner แต่สามารถใส่ a กับคำว่า meal (มื้ออาหารแต่ละมื้อได้)
5. ไม่ใส่ the หน้าชื่อทางภูมิศาสตร์ เช่น
-ชื่อเมือง หมู่บ้าน ประเทศ ทวีป Bangkok, New York, Paris, Thailand ยกเว้น The Hague, the Philippines เป็นต้น
-ชื่อเกาะเดี่ยว ๆ เช่น Phuket Sicily
-ชื่อเทือกเขาเดี่ยว เช่น Doi Inthanon Mount Everest
-ชื่อทะเลสาบ เช่น Lake Constance, Lake Superior
-ชื่อถนน สีแยก วงเวียน เช่น Regent Street, Fifth Avenue, Silom Road,
-ชื่อสนามบิน สถานีรถไฟ โรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือสถานที่ที่เป็นชื่อเฉพาะ เช่น Kennedy Airport Don Muang Airport Cambridge University Chulalongkorn University Hyde Park London Zoo
-ชื่อภัตตาคาร หรือโรงแรมที่เป็นชื่อเฉพาะ เช่น Krung Thai Bank, MacDonald’s ,Harrods, Selfridges
6. ไม่ใส่หน้า คำนามที่ตามหลังด้วย ‘s หรือ n. ที่แสดงความเป็นเจ้าของ เช่น
Mr. Somchai's house , my brother’s room, the city’s new theater
7. ไม่ใส่ the หน้าคำนามที่มีแสดงความเป็นเจ้าของ (my, your, our, her, his, its, their)
หรือคำนาม ที่มี‘s แสดงความเป็นเจ้าของคำคุณศัพท์ ( adjective) นำหน้าคำนาม (this, that, these,those),some, any, few, a few, most ฯลฯ อยู่ข้างหน้า
8. ไม่ใส่ the หน้าชื่อเดือน – วัน นอกจากว่าเดือน - วันนั้นๆ ชี้เฉพาะลงไป
ตัวอย่าง - James and Catharine were married in 2004. (เจมส์และแคทรีนแต่งงานไปในปี2547)
9. ไม่ใส่ the หน้าชื่อเกมส์หรือกีฬา เช่น soccer (ฟุตบอล), football (ฟุตบอล)
10.ไม่ใส่ the นำหน้าชื่อวิชา, ภาษา เช่น algebra (พีชคณิต), engineering (วิศวกรรมศาสตร์), French (ภาษาฝรั่งเศส)
11. ไม่ใส่ the หน้าหน้าชื่อโรคต่างๆ เช่น mumps (โรคคางทูม) cholera (อหิวาตกโรค) cancer (โรคมะเร็ง)
ไวยากรณ์ภาษาอังกฤาเบื้องต้นนี้ ผู้เขียนเจอในเอกสารไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเบื้องต้น โดย พ.ท.หญิง วันดีโตสุวรรณ ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าดีมีประโยชน์เป็นอย่างมาก กับทั้งยังเป็นโยคต่อผู้เรียน ผู้ทบทวนอย่างผู้เขียน เป็นการทบทวนความรู้เก่าๆ นำมาบันทึกใหม่ อย่างที่เขาบอกว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีใครแก่เกินเรียน ฉะนั้น อย่าอายที่จะเรียนรู้ เรามาเรียนรู้ด้วยกันนะครับ สิ่งไหนดีๆ มีประโยชน์เรามาแนะนำเล่าสู่กันฟัง
 

ภาษาอังกฤษเบื้องต้น

คำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐาน 350 คำ ต่อไปนี้ เป็นคำศัพท์ที่ใช้บ่อยมากที่สุด 350 อันดับแรก คนที่จะเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ดี ในระดับที่สามารถสื่อสารได้นั้นต้องรู้จักคำศัพท์อย่างน้อยเลย 1,500 คำ
แบบทดสอบคำศัพท์เบื้องต้นที่นำเสนอด้านล่างนี้ เป็นการนำคำศัพท์ที่ใช้บ่อยที่สุดมาสร้างเป็นแบบทดสอบในลำดับต้นๆ ส่วนคำศัพท์ที่ใช้น้อยลงไป ก็จะเป็นแบบทดสอบในลำดับถัดไป ยิ่งลำดับล่างๆ นั้น เป็นคำศัพท์ที่ใช้น้อยที่สุดใน 350 คำ

การทำแบบทดสอบ

แบบทดสอบชุดที่หนึ่ง จะมี password ไว้ให้แล้ว กรอกรหัสให้ถูกต้องจึงจะสามารถทำแบบทดสอบได้
ส่วนรหัสผ่านตั้งแต่ชุดที่สอง จะได้รับก็ต่อเมื่อทำแบบทดสอบได้ถูกต้องทั้ง 20 คำ จึงจะได้ password สำหรับข้อสอบในชุดต่อไป
ทดสอบคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐานชุดที่ 1
ทดสอบคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐานชุดที่ 2
ทดสอบคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐานชุดที่ 3
ทดสอบคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐานชุดที่ 4
ทดสอบคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐานชุดที่ 5
ทดสอบคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐานชุดที่ 6
ทดสอบคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐานชุดที่ 7
ทดสอบคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐานชุดที่ 8
ทดสอบคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐานชุดที่ 9
ทดสอบคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐานชุดที่ 10
ทดสอบคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐานชุดที่ 11
ทดสอบคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐานชุดที่ 12
ทดสอบคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐานชุดที่ 13
ทดสอบคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐานชุดที่ 14
ทดสอบคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐานชุดที่ 15
ทดสอบคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐานชุดที่ 16
ทดสอบคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐานชุดที่ 17
ทดสอบคำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐานชุดที่ 18
ทำไมต้องมีรหัสผ่าน เพราะว่าคำศัพท์เหล่านี้เป็นคำศัพท์ระดับพื้นฐานจริง และก็่ค่อนข้างง่าย ไม่อยากให้ผู้เรียนทำข้อทดสอบแล้วก็เลยไป เพราะการจะเก่งภาษาได้นั้น คำศัพท์ก็คือพื้นฐานที่สำคัญ ถ้าในสมองมีคลังคำศัพท์แค่นิดเดียวแล้วละก้อ การเรียนรู้ในระดับสูงก็จะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย
คำศัพท์เหล่านี้ผ่านการวิเคราะห์แล้วว่าเป็นคำศัพท์ที่ใช้บ่อยที่สุด เพราะฉะนั้นจงฝ่าฟันไห้ได้ทุกด่านนะครับ หลังจากนี้ก็จะมีแบบทดสอบคำศัพท์ในระดับที่สูงขึ้น และใช้คำศัพท์ในแวดวงที่สูงขึ้นไป อาจจะเป็น 500 คำ 800 คำ 1000 คำ 1500 คำ หรือ 3000 คำ ซึ่งน่าจะเพียงพอในการเรียนภาษาอังกฤษในระดับของการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้ว